Merlin's Solutions International | Generative AI: ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่
16831
bp-legacy,post-template-default,single,single-post,postid-16831,single-format-standard,ajax_fade,page_not_loaded,,qode-theme-ver-9.1.2,wpb-js-composer js-comp-ver-4.9.2,vc_responsive

Generative AI: ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่

01 มี.ค. Generative AI: ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่

Generative AI เป็นปัญญาประดิษฐ์แขนงหนึ่งที่ล้ำสมัย ซึ่งกำลังปฏิวัติวิธีที่เครื่องจักรโต้ตอบและมุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาต้นฉบับโดยอัตโนมัติ ต่างจาก AI แบบดั้งเดิมที่จะอาศัยข้อมูลและกฎที่มีการกำหนดไว้ โดย Generative AI จะเรียนรู้รูปแบบและความสัมพันธ์ภายในข้อมูลเพื่อสร้างผลลัพธ์ใหม่และสมจริงที่แตกต่างจากข้อมูลเดิม ความสามารถของ Generative AI เกี่ยวข้องกับหลายขั้นตอน ได้แก่

  • การรวบรวมข้อมูล เหมือนกับ AI ในรูปแบบอื่น ๆ เราต้องรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายที่ต้องการให้ AI สามารถเรียนรู้และดำเนินการ
  • การเลือกรูปแบบ เลือกสถาปัตยกรรม AI ที่เหมาะสม เช่น Generative Adversarial Networks (GAN) ที่ใช้หลักการสร้างและปรับปรุงภาพจนกลายเป็นภาพต้นฉบับ หรือ Variational Autoencoders (VAE) สำหรับแก้ไขภาพให้สมบูรณ์จากการวิเคราะห์ภาพเดิม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะของผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือเพลง
  • การเทรนโมเดล เพื่อให้ AI สามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบของข้อมูลได้ เราอาจปรับแต่งตัวแปรบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อให้การเรียนรู้ของ AI มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
  • การสร้างเนื้อหา เมื่อได้รับการเทรนโมเดลแล้ว AI จะสามารถสร้างเนื้อหาใหม่ที่สมจริงได้โดยอัตโนมัติตามรูปแบบข้อมูลที่เรียนรู้

ความแตกต่างระหว่าง Generative AI และ AI แบบดั้งเดิมที่ชัดเจนคือวัตถุประสงค์และฟังก์ชันการทำงาน โดย AI แบบดั้งเดิมจะเน้นการแก้ไขปัญหาตามรูปแบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ในทางกลับกัน Generative AI จะเน้นการสร้างความคิดสร้างสรรค์และการสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ นอกจากนั้น AI แบบดั้งเดิมจะมีแนวทางการเรียนรู้เอนเอียงไปทางการเรียนรู้แบบมีผู้สอน ในขณะที่ Generative AI มักเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบไม่มีผู้สอน รวมถึง AI แบบดั้งเดิมมักจะเข้มงวดและทำงานโดยอิงตามกฎที่ถูกตั้งไว้ ในขณะที่ Generative AI นั้นมีความยืดหยุ่นที่มากกว่าเพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งโปรแกรมไว้อย่างชัดเจนได้

ตัวอย่างการทำงานของ Generative AI ที่เราจะเห็นได้บ่อย ๆ คือการใช้ Generative Adversarial Networks (GAN) สำหรับการสร้างรูปภาพ โดยเมื่อ GAN ได้รับการเทรนโมเดลเกี่ยวกับชุดข้อมูลใบหน้าของคนก็จะสามารถเรียนรู้ที่จะสร้างใบหน้าที่เหมือนจริงแต่ไม่ใช่ใบหน้าเดิมได้ จะเห็นได้ว่า Generative AI แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของ AI ที่ก้าวไปไกลกว่าการแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ เริ่มมีการสร้างความคิดสร้างสรรค์และความเป็นอิสระในการสร้างเนื้อหา และยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น Generative AI ก็มีแนวโน้มที่จะขยายตัว และสามารถปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ได้มากขึ้นไปด้วย

อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วทุกคนพอจะรู้มั้ยว่า มีหลายโปรแกรมกำลังเป็นที่พูดถึงในปัจจุบันที่เป็นความสามารถของ Generative AI เช่น ChatGPT Canva หรือ Midjourney ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่งเลย โดยผู้เขียนได้ทดลองใช้โปรแกรมในการสร้างบทความขึ้นมาด้วยการป้อนคำสั่งและให้โปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งแล้วประมวลผลก่อนจะสร้างบทความใหม่ขึ้นมาให้ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือบทความที่ Generative AI สร้างขึ้นจะมีภาษาที่เป็นทางการและยังไม่มีอารมณ์ร่วมแบบมนุษย์ และอาจต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ AI สร้างให้อีกครั้ง แต่อย่างที่บทความข้างต้นบอก “ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น Generative AI ก็มีแนวโน้มที่จะขยายตัว และสามารถปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ได้มากขึ้นไปด้วย” ในอนาคตเราอาจจะพูดคุยอยู่กับ AI โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้

Comments

comments

No Comments

Post A Comment